วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

โรคที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์

โรคที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์
โรคอ้วน
อ้วน หมายถึง สภาพร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยการสะสมของไขมันจนมีปริมาณมากเกินความต้องการของร่างกาย
               สาเหตุ
1. เกิดจากสาเหตุภายนอก เป็นสาเหตุใหญ่ที่เกิดโรคอ้วน เพราะตามใจปากมากเกินไป กินมากเกินความต้องการของร่างกาย อาหารที่กิน เนื้อ ไขมัน หรือแป้ง ของหวาน สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ามีมากเกินไปก็จะกลายเป็นไขมันพอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออกกำลังกายน้อย กินแล้วนอนนิสัยในการรับประทาน คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี เรียกว่า กินจุบกินจิบไม่เป็นเวลา  ขาดการออกกำลังกาย ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกายบ้างก็อาจทำให้อ้วนช้าลง แต่หลายคนไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
2. มาจากสาเหตุภายใน พบได้จากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง    จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ ดับความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจ หรือดีใจ บุคคลเหล่านี้ จะรู้สึกว่าอาหารที่ทำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นที่พึ่งทางใจ ตรงกันขามกับบางคนกลุ้มใจเสียใจก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ  ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆ
 3.  เพราะกรรมพันธุ์ ซึ่งพบได้น้อย กรรมพันธุ์นี้พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งสองคน ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 80 ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอ้วน ลูกมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40
4. โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง
5. จากการกินยาบางชนิด ก็ส่งผลกระทบให้อ้วน ผู้ป่วยบางโรคได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ก็ทำให้อ้วนได้ และในผู้หญิงที่ฉีดยาหรือกินยาคุมกำเนิดก็ทำให้อ้วนง่ายเช่นกัน
6. เพศ  เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย ก็ธรรมชาติเธอมักสรรหาจะกิน กิน และกิน ตลอดเวลา อีกทั้งตอนตั้งครรภ์ ก็ต้องกินมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและลูกน้อยในครรภ์ แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว บางรายก็ลดน้ำหนักลงมาได้ แต่บางรายก็ลดไม่ได้ ผู้หญิงทำงานน้อย ออกกำลังน้อยกว่าชาย ผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้ชาย 4 : 1 การลดความอ้วนที่ถูกวิธี             
การลดความอ้วนก็คล้ายกับการปฏิบัติในการรักษาโรคอื่นๆ เพราะในการลดความอ้วนนั้นต้องอาศัยหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมทั้งกำลังใจและเวลา การปฏิบัติทั่วๆไปในการลดน้ำหนัก คือ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มาออกกำลังกายกันเถอะ

การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่เริ่มต้นไม่ยากและเมื่อเริ่มลงมือปฏิบัติก็มีผลดีต่อร่างกายอย่างเห็นได้ชัดเป็นการลงทุนที่หาซื้อไม่ได้ แต่ต้องเริ่มต้นสะสมด้วยตนเอง ผลดีของการออกกำลังกาย ได้แก่


ผลดีต่อระบบการเคลื่อนไหว การออกกำลังกายจะทำให้ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ ตลอดจนไขกระดูกแข็งแรงและทำงานได้ดี จึงส่งผลให้เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและทรงพลัง
ผลดีต่อหัวใจ การออกกำลังกายจะช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้มากขึ้น
ผลดีต่อเส้นโลหิต การออกกำลังกายทำให้เส้นโลหิตยืดหยุ่น ไม่เปราะง่าย มีไขมันน้อย ลดโอกาสการเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ผลดีต่ออัตราการเต้นของชีพจร การออกกำลังกายจะส่งผลให้ปริมาณแร่ธาตุที่สำคัญในแง่ของสารอาหารเพิ่มขึ้น ช่วยลดปริมาณของกรดแลกติกได้ดี ทำให้เกิดอาการเหนื่อยช้าลง
ผลดีต่อระบบทางเดินอาหาร การออกกำลังกายมีส่วนทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น โลหิตไหลไปสู่ตับได้มากขึ้น ดังนั้นท้องจึงไม่ผูก
ผลดีต่อการทำงานประสานสัมพันธ์กันระหว่างประสาทและกล้ามเนื้อ  ในการเคลื่อนไหวร่างกายประสาทสั่งการกับกล้ามเนื้อจะต้องทำงานประสานกันหากประสาทสั่งการแต่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงก็จะทำงานไม่ได้ ในทางกลับกันหากกล้ามเนื้อแข็งแรงแต่ประสาทไม่สั่งการก็จะไม่มีการเคลื่อนไหว การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ยังส่งผลดีต่อระบบประสาทด้วย
ผลดีต่อน้ำหนักตัว หลังจากอายุ 25 ปี อวัยวะร่างกายของคนเราจะเริ่มเสื่อม คนส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไขมันสะสม การออกกำลังกายมีผลช่วยชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆขณะเดียวกันก็ช่วยให้เกิดการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน จึงช่วยลดน้ำหนักตัวได้ผลดี

หลักในการออกกำลังกาย
1. ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3วัน
2. ออกกำลังกายครั้งละ 15 - 30 นาที
3. ออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักโหม
4. ควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายและผ่อนคลาย
ก่อนเริ่มออกกำลังกาย
5. ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย
6. ออกกำลังกายที่ให้ความสนุกสนาน
7. แต่งกายให้เหมาะสมกับชนิดของการออกกำลังกาย
8. ออกกำลังกายในสถานที่ปลอดภัย
9. ควรออกกำลังกายหลากหลายชนิด
10. ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว ต้องตรวจสุขภาพก่อนออกกำลังกาย


วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทย

ภูมิปัญญาไทยหมายถึง / ยกตัวอย่าง 
ภูมิปัญญาไทย หมายถึง องค์ความรู้ ความสามารถและทักษะของคนไทยอันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านมากระบวนการเรียนรู้  เลือกสรร ปรุงแต่ง พัฒนาและถ่ายทอดสืบกันมา เพื่อใช้แก้ปัญหาและพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมและเหมาะสมกับยุคสมัย
ภูมิปัญญาไทย มีลักษณะเป็นองค์รวมและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม เกิดขึ้นในวิถีชีวิตไทย ซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นอาจเป็นที่มาขององค์ความรู้ที่งอกงมขึ้นใหม่ที่จะช่วยในการเรียนรู้ การแก้ปัญหาการจัดการและการปรับตัวในการดำเนินวิถีชีวิตของคนไทย ลักษณะองค์รวมของภูมิปัญญามีความเด่นชัดในหลายด้าน  เช่น   ๑.เกษตรกรรม หมายถึง ความสามารถในการผสมผสานองค์ความรู้ ทักษะ และเทคนิคด้านการเกษตรกับเทคโนโลยี โดยการพัฒนาบนพื้นฐานคุณค่าดั้งเดิม ซึ่งคนสามารถพึ่งพาตนเองในภาวการณ์ต่างๆ ได้     ๒. อุตสาหกรรมและหัตถกรรม หมายถึง การรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการแปรรูปผลิตผล เพื่อชะลอการนำเข้าตลาด เพื่อแก้ปัญหาด้านการบริโภคอย่างปลอดภัย ประหยัด และเป็นธรรม อันเป็นกระบวนการที่ทำให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้   ๓. การแพทย์แผนไทย หมายถึง ความสามารถในการจัดการป้องกันและรักษาสุขภาพของคนในชุมชน โดยเน้นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองทางด้านสุขภาพและอนามัยได้    ๔. ศิลปกรรม หมายถึง ความสามารถในการผลิตผลงานทางด้านศิลปะสาขาต่างๆ เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม ทัศนศิลป์ คีตศิลป์ ศิลปะมวยไทย เป็นต้น    ๕ . ภาษาและวรรณกรรม หมายถึง ความสามารถผลิตผลงานเกี่ยวกับด้านภาษาทั้งภาษาถิ่น ภาษาโบราณ ภาษาไทยและการใช้ภาษา ตลอดทั้ง ด้านวรรณกรรมทุกประเภท เช่น การจัดทำสารานุกรมภาษาถิ่น การปริวรรต หนังสือโบราณ การฟื้นฟูการเรียนการสอนภาษาถิ่นของท้องถิ่นต่างๆ เป็นต้น

ภูมิปัญญาไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
ท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นล้วนมีเอกลักษณ์  วิธีชีวิต  ความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันไปต่างแต่ละท้องถิ่นนั้นๆจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านมากระบวนการเรียนรู้  เลือกสรร ปรุงแต่ง พัฒนาและถ่ายทอดสืบกันมา เพื่อใช้บรรเทารักษาโรค  และเพื่อช่วยเหลืออาการเจ็บไข้ได้ป่วยของคนในท้องถิ่น  โดยที่คนในท้องถิ่นเป็นผู้คิดค้นขึ้นและถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานสืบมา  เช่น  การนวดแผนไทย และ การประคบสมุนไพร   เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยร่างกาย  เป็นต้น

การแพทย์แผนไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค /ยกตัวอย่าง
1.การอบสมุนไพร เป็นวิธีการบำบัด และบรรเทาอาการของโรคของการแพทย์แผนไทย   โรคหรืออาการที่สามารถบำบัดรักษาได้ด้วยการอบสมุนไพร มีดังนี้   โรคภูมิแพ้ที่ไม่รุนแรง ความดันโลหิตสูง     เป็นหวัดเรื้อรัง   อัมพฤกษ์ - อัมพาต   ในระยะเริ่มแรก ปวดเมื่อยตามร่างกายทั่วๆ ไป     กรณีที่มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืดร่วมด้วย
ไม่ควรทำการอบสมุนไพร
  
 2.การประคบสมุนไพร เป็นวิธีการบำบัดรักษาของการแพทย์แผนไทยซึ่งสามารถนำไปใช้ควบคู่กับการนวดไทย โดยการประคบหลังจากการนวดไทย ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือบริเวณข้อต่อต่างๆ ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นหรือเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้เนื้อเยื่อพังผืดคลายตัว ลดการติดขัดของข้อต่อบริเวณที่ประคบ
                                                                                                                                                            
3. เวชกรรมไทย เป็นการทำหน้าที่ในการตรวจวินิจฉัยโรค เพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรคตามทฤษฎีและหลักการของการแพทย์แผนไทย จากนั้นให้การรักษาตามกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทย ซึ่งส่วนใหญ่ มักให้การรักษาด้วยยาแผนไทย หรือยาสมุนไพร

                4. เภสัชกรรมไทย เป็นการเตรียมยา และ/หรือผลิตยาแผนไทย ซึ่งมีกรรมวิธีในการเตรียมยาทั้งหมด 28 วิธี อาทิ เช่น การเตรียมยาผง ยานัตถุ์ ยาลูกกลอน ยาเม็ดแคปซูล เป็นต้น

                5. ผดุงครรภ์ไทย เป็นการทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของมารดาและเด็กในหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ก่อน คลอดและหลังคลอด ในสมัยก่อนจะต้องทำคลอดให้กับหญิงตั้งครรภ์ด้วย แต่ในปัจจุบันนี้ บทบาทหน้าที่ในการทำคลอดมีน้อยลง แต่เน้นในการดูแลสุขภาพของหญิงหลังคลอดมากขึ้น




วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

งานโครงการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชนและสังคม

งานโครงการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชนและสังคม
ชื่อโครงการ
โครงการตรวจเช็คและสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงของคนในชุมชน หมุ่บ้านพันธ์ศักดิ์วิลล่า ปิ่นเกล้า
หลักการและเหตุผล
โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อตรวจเช็คสุขภาพ และให้คำแนะนำ หรือ ความช่วยเหลือกับบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของคนในชุมชน เพื่อที่จะได้รู้ว่าแต่ละคนมีสุขภาพร่างกายเป็นแบบใด  และการจัดทำโครงการนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะสร้างสัมพัทธ์ที่ดีงามและเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างคนในชุมชน
วัตถุประสงค์
1.เพื่อตรวจเช็คสุขภาพของคนในชุมชน
2.เพื่อให้คำแนะนำ  ให้ความช่วยเหลือบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ
3.เพื่อเป็นการพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันของคนในชุมชน
4.เพื่อทำให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
5.เป็นเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แก่คนในชุมชน
กลุ่มเป้าหมาย
คนในหมุ่บ้านพันธ์ศักดิ์วิลล่า ปิ่นเกล้า   ประมาณ  700  ครัวเรือน
สถานที่ดำเนินการ
หมุ่บ้านพันธ์ศักดิ์วิลล่า  ปิ่นเกล้า
ระยะเวลาดำเนินงาน
1 ครั้งต่อ 1 เดือน เป็นเวลา 1 ปี
งบประมาณ
20,000  บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
บุคคลในชุมชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์  และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ผู้รับผิดชอบโครงการ
นายวันชนะ  ศศิสุริยาภูมิ    ม.6/5   เลขที่ 11

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความหมาย และ ประโยชน์ของลีลาส

ลีลาศ
ความหมายลีลาศหมายถึง การเต้นเพื่อความสนุกสนานและได้พบกับบุคคลอื่น ๆ ในงานสังสรรค์ หรืองานราตรีสโมสร ลีลาศนี้ มีมานับเป็นพัน ๆ ปีแล้ว แต่เพิ่งมีหลักฐานแน่ชัดเมื่อประมาณ ปี ค.. 1400 ซึ่งได้อธิบายถึงการก้าวเดิน และดนตรี การเต้นรำแบบบอลรูม เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างชาติและเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ถึงแม้ว่าชาวตะวันตกจะนิยมกันอย่างมาก แต่การเต้นรำแบบบอลรูมก็เป็นที่ยอมรับของชนทุกชาติ
ลีลาศตรงกับภาษาอังกฤษว่า  “Ballroom  Dancing”  หมายถึง  การเต้นรำของคู่ชายหญิงตามจังหวะดนตรีที่มีแบบอย่างและลวดลายการเต้นเฉพาะตัว  โดยมีระเบียบของการชุมนุม  ณ  สถานที่อันจัดไว้ในสังคม  ใช้ในงานราตรีสโมสรต่าง ๆ และมิใช่การแสดงเพื่อให้คนดู

ประโยชน์ของลีลาศ
1. ลีลาศเพื่อนันทนาการ  (Ballroom  Dancing  for  Recreation)  การลีลาศเพื่อนันทนาการ มีความมุ่งหมายที่จะใช้การลีลาศเป็นสื่อดึงความสนใจของบุคคลต่างๆ ให้เข้าร่วมกิจกรรม  จะเห็นได้ว่า การจัดงานรื่นเริงในโอกาสต่างๆ เช่น งานพบปะสังสรรค์ งานฉลองในวาระสำเร็จการศึกษา งานราตรีสโมสร ฯลฯ  ล้วนแต่มีลีลาศเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น

2. ลีลาศเพื่อการแข่งขัน  (Ballroom Dancing for Sport’s Competition)  การลีลาศเพื่อการแข่งขัน  จะคำนึงถึงรูปแบบที่ถูกต้องตามเทคนิควิธี  มีความสง่างามตามหลักของการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติเป็นสำคัญ  ได้มีสมาคมลีลาศในหลาย ๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้ร่วมกันส่งเสริมลีลาศให้มีการพัฒนา  และพยายามจัดให้เป็นรูปแบบของกีฬา  โดยมีแนวคิดว่าลีลาศคือกีฬาชนิดหนึ่ง  ที่ให้ความบันเทิงและส่งเสริมสุขภาพพลานามัยเป็นอย่างดี  นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันจัดการแข่งขันลีลาศขึ้นในหลายระดับ  ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ  ทั้งประเภทอาชีพและสมัครเล่น

3. ช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้สมบูรณ์   ลีลาศเป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆแต่ช่วยทุกส่วนของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

4. ส่งเสริมการออกกำลังกาย  เป็นกิจกรรมที่ช่วยการเผาผลาญของร่างกายได้ดี และยังสามารถช่วยในการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ

5. เสริมบุคลิกภาพทางกาย  ลีลาศ ป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมบุคคลิกภาพทางกายทั้งยังช่วยสร้างเสริมทรวดทรงท่าทางและ มารยาททำให้เกิด ความเชื่อมั่นในตนเอง

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กระบวนการสร้างเสริม และดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ

กระบวนการสร้างเสริม และดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ
อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคนเราทำงานสัมพันธ์กันเป็นระบบ ทุกระบบต่างมีความสำคัญต่อร่างกายทั้งสิ้น หากระบบใดทำงานผิดปกติก็จะส่งผลกระทบต่อระบบอื่นๆด้วย เราจึงควรรู้จักป้องกัน บำรุงรักษาอวัยวะต่างๆในทุกระบบ ให้สมบูรณ์แข็งแรง ทำงานได้ตามปกติอยู่เสมอ

1.ความสำคัญ และหลักการของกระบานการสร้างเสริม และดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย
                มนุษย์จะดำรงอยู่ได้ด้วยการทำงานของอวัยวะต่างๆทั้งภายในและภายนอกร่างกาย การแบ่งส่วนประกอบของร่างกายออกเป็นระบบต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจการทำงานของระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้องง่ายขึ้น ระบบต่างๆในร่างกายต้องพึ่งพาและทำงานสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
                หลักการกระบวนการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ดังนี้
1.รักษาอนามัยส่วนบุคคล                       2.บริโภคอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสม                     3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ        
4.พักผ่อนให้เพียงพอ                               5.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ                              6.ตรวจเช็คร่างกายอยู่เสมอ
7.หลีกเลี่ยงอบายมุขและสิ่งเสพติดให้โทษ

2.ระบบประสาท   
เป็นระบบที่ประกอบด้วยสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาททั่วร่างกาย ซึ่งจะทำหน้าที่ร่วมกันในการควบคุมการทำงานและการรับความรู้สึกของอวัยวะทุกส่วน รวมถึงความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และความทรงจำต่างๆ สมองและไขสันหลังจะเป็นศูนย์กลางคอยรับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกร่างกาย แล้ะวส่งกระแสคำสั่งผ่านเส้นประสาทที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายให้ทำงานตามที่ต้องการ
ระบประสาทป็นระบบที่ทำงานประสานกันกับระบบกล้ามเนื้อจากอวัยวะภายในต่างๆและส่งคำสั่งกลับไปควบคุมการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด อัตราการหายใจ อุณหภูมิในร่างกาย การย่อยอาหาร และระบบอื่นๆให้ทำงานตามปกติ


3.ระบบสืบพันธุ์
                เป็นระบบที่เกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนของสิ่งมีชีวิตให้มากขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นการทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป เพื่อให้ดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้ ซึ่งต้องอาศัยอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิง
                อวัยวะสืบพันธ์เพศชาย มีส่วนประกอบที่สำคัญดังนี้
อัณฑะ                     ถุงหุ้มอัณฑะ                         หลอดเก็บตัวอสุจิ                  หลอดตัวนำอสุจิ                     ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ                          ต่อมลูกหมาก                          ต่อมคาวเปอร์
อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง มีส่วนประกอบที่สำคัญดังนี้
                รังไข่                       ท่อนำไข่                                 มดลูก                                     ช่องคลอด
               
               การบำรุงรักษาระบบสืบพันธุ์
1.ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ โดยรับประทานอาหารให้ถูกสัดส่วนทั้ง 5 หมู่
2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งลำไม่ต่ำกว่า 30 นาที
3.พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เคร่งเครียด และทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
4.ทำความสะอาดร่างกายอย่างทั่งถึงและสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
5.เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติใดๆเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ควรรีบปรึกษาแพทย์

4.ระบบต่อมไร้ท่อ
                เป็นระบบที่ผลิตสารที่เรียกว่า ฮอร์โมน เป็นต่อมที่ไม่มีท่อหรือรูเปิด จึงลำเลียงสารเหล่านั้นไปตามกระแสเลือดไปสู่อวัยวะเป้าหมาย เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ  ซึ่งต่อมไร้ท่อในร่างกายมีดังนี้
-          ต่อมใต้สมอง เป็นศูนย์ควบคุมใหญ่ของร่างกาย
-          ต่อมหมวกไต ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น และควบคุมการเผาผลาญอาหาร
-          ต่อมไทรอยด์  ทำหน้าที่ควบคุมการเติบโตของร่างกาย
-          ต่อมพาราไทรอยด์ ควบคุมปริแคลเซียมในเลือด และรักษาความเป็นกรดด่างในร่างกาย
-          รังไข่และอัณฑะ  ควบคุมลักษณะเกี่ยวกับเพศ
-          ต่อมไทมัส ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย